English

ฝึกศัพท์จากเรื่องผิวสวย 001

Dry skin is a problem that not only occurs during the cold winter months,

but also during summer as well.

The increased humidity indoors in the winter and outdoors in the summer add to the problem

that affects many sufferers around the world.

Symptoms of dry skin include redness and a tight feeling when you attempt to bend your fingers or even in the slightest movement of your hand.

In the case of extreme dry skin, cracking and bleeding may occur. This is the most unpleasant..

Dealing  แปลว่า  ความสัมพันธ์
occurs  แปลว่า  เกิดขึ้น
include  แปลว่า  ประกอบด้วย
redness  แปลว่า  สีแดง
suffer  แปลว่า  ประสบ
Symptom  แปลว่า  อาการ
tight  แปลว่า  แน่น
attempt  แปลว่า  ความพยายาม
slightest  แปลว่า  น้อยที่สุด
extreme_dry_skin  แปลว่า  ผิวแห้งมาก
bleed  แปลว่า  มีเลือดออก
unpleasant  แปลว่า  ไม่น่าพอใจ
humidity  แปลว่า  ความชื้น

จบการฝึกศัพท์จากเรื่องผิวสวย ครั้งที่1

ถามตอบ ทางลัดสู่ความเก่งภาษาอังกฤษ

สวัสดีครับวัน engbutton จะมาบอกวิธีการฝึกตนเองให้เก่ง
ภาษาอังกฤษอย่างง่ายๆ ไม่เป็นความลับ  และลัดที่สุดครับ

เก่งภาษาอังกฤษด้วยการ ถาม ตอบ คำถามง่ายๆ




     


การที่จะเก่งภาษาอังกฤษนั้น วิธีฝึกมันไม่จำเป็นต้องยาก
แค่ใช้วิธีการ ถาม-ตอบ ด้วยคำถามแบบง่ายๆ และใช้การฟัง
และตอบคำถามให้มากเริ่มจากเรื่องง่ายๆ แต่ต้องทำซ้ำเป็นเวลานาน

วิธีฝึกอาจทำได้หลายรูปแบบ เช่น เปิดไฟล์เสียง mp3 ที่มีการถามตอบ
โดยเปิดฟังบ่อยๆ ฝึกตอบบ่อยๆ จนกระทั้งตอบได้อย่างเป็นระบบอัตโนมัติ
โดยไม่ต้องมานั้งคิดก่อนเป็นเวลานานๆ

ซึ่งวิธีนี้จะเป็นวิธีที่ธรรมชาติที่สุด และเป็นผลดีในระยะยาว

ยกตัวอย่างอย่างจาก คอลัมน์ Interview จากนิตยสาร igetenglish
คุณเต๋อ-ฉันทวิชช์ ธนะเสวี ใช้วิธีฝึกภาษาอังกฤษโดยการพูดกับน้อง
ชายเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งตอนแรกเกือบไม่สำเร็จเพราะเจ้าน้องชาย
ดันไม่ยอมพูดด้วย แต่ด้วยความไม่ลดละในที่สุดน้อยชายของคุณเต๋อ
ก็ยอมพูดเป็นภาษาอังกฤษด้วย ซึ่งผลปรากฏว่าทำให้เก่งภาษากันทั้งพี่และน้อง

คำว่าเป็นหวัดน้ำมูกไหลในภาษาอังกฤษพูดอย่างไร

 
คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ใช้บอกอาการน้ำมูกไหล
ถ้าเราต้องการที่จะบอกว่าเราเป็นหวัดคัดจมูกเราจะใช้คำว่า

I have a cold and nasal congestion.

แต่แบบด้านบบจะเป็นการพูดแบบเป็นทางการ ถ้าเราจะ
พูดแบบเป็นกันเองหน่อย ก็จะใช้คำว่า

I have stuffy nose.

ส่วนคำที่พูดถึงอาการน้ำมูกไหลนั้นเราจะใช้คำว่า
I have runny nose.



แต่ถ้าหากเราเป็นทั้งสองอาการเราจะใช้คำว่า
I have stuffy and runny nose.

หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆเวลาไม่สบายนะครับ :)

ทำอย่างไรเมื่ออยากให้ลูกเก่งภาษาอังกฤษ

วันนี้อยากจะพูดในหัวข้อสุดคลาสสิคนี้แหละครับว่า อยากหให้ลูกๆทันกับยุคที่ใครเร็วใครได้ สิ่งเบิกทางคงต้องเป็นความสามารถส่วนตัว โดยเฉพาะเรื่องภาษานี้แหละครับ ที่จะพาให้ลูกๆที่เราเป็นห่วงมีโอกาสมากกว่าคนอื่น มาดูกันเลยครับว่ามีอะไรบ้างที่จะเป็นตัวช่วยให้ลูกของคุณเก่งภาษาอังกฤษมากขึ้น เร็วขึ้น





1. ทำความเข้าใจในวิชาที่ลูกๆกำลังเรียนอยู่ไปด้วย เพื่อที่จะได้คุยกับลูกของเรา ได้รู้เรื่องกันง่ายขึ้น เช่นอาจช่วยตอบคำถามที่ลูกๆสงสัย หรือช่วยทบทวนเวลาว่าง ซึ่งในกรณีนี้จะช่วยความสัมพันธ์ในครอบครัวไปในตัว และเมื่อลูกๆรู้สึกสนุกก็อาจจะทำให้ฝังลงไปในจิตใต้สำนึกด้วยว่าภาษาอังกฤษช่างน่าสนุกอะไรอย่างนี้


2. หาโอกาศให้ฝึกกับเจ้าของภาษา อันนี้อาจจะยากสักหน่อยถ้าโอกาสไม่อำนวยแต่ก็เป็นสิ่งที่ดีมากๆถ้าทำได้ ถ้าได้ใกล้ชิดกับเจ้าของภาษามากๆ ต่อมภาษาอังกฤษจะทำงานมากขึ้นกว่าปรกติ เช่นอาจพาไปเที่ยวต่างประเทศ ที่นี้หละครับลูกคุณจะตื่นเต้นขนาดไหนถ้าพาไปประเทศที่เขาใช้ภาษาอังกฤษกัน ก็คงฝึกพูดมากชึ้นอย่างแน่นอน


3. สมัครเรียนพิเศษภาษาอังกฤษพร้อมกับลูก ในกรณีก็มีเหตุผลคล้ายๆข้อหนึ่งครับ


4. เสริมความรู้ด้วยสื่อต่างๆ เช่นข่าว หนัง การตูนต่างประเทศ ให้ลูกได้ยินได้ฟังบ่อยๆ ก็จะมีส่วนช่วยให้พัฒนาการทางด้านภาษาเป็นไปได้ดีและเร็วยิ่งขึ้นครับ

ตัวอย่างการใช้ so ไม่เน้นอธิบาย

so เป็นคำที่พบบ่อย แต่ว่าเราจะใช้มันอย่างไรหละ
ผมก็งงเหมือนกันครับ แต่ เอาเป็นว่ายกตัวอย่างให้เห็นเยอะๆดีกว่า
น่าจะเข้าใจกว่าการอธิบายยาวๆแล้วงง


So เป็นคำที่ดิ้นได้ครับ
ซึ่งถ้าเราดูตัวอย่างไปเยอะๆจะทำให้เข้าใจมากขึ้นครับ

ตัวอย่างคำหรือสำนวนที่ใช้กับคำว่า so
so bad one can taste it = แย่มาก
so far = จนถึงทุกวันนี้, จนกระทั่งปัจจุบัน, จนเดี๋ยวนี้
so long = ลาก่อน, คำกล่าวอำลา
so much = อย่างมาก
so quiet you could hear a pin drop = เงียบมาก
so to speak = จะว่าไปแล้ว, จะพูดเช่นนั้นก้ได้, จะให้เป็นเช่นนั้นก็ได้
"So long, farewell"ขอกล่าวคำอำลาว่า


 (จัง) He's so cool.
เค้าเท่จัง

(แล้วไง)So what?
แล้วไงต่อ

(ถ้างั้น)
So, let's get to the point.
ถ้างั้น..เข้าประเด็นกันเลย

(ก็เลย,จึง,ฉะนั้น)
I'm hungry, so I'm gonna eat.
ฉันหิว ฉันก็เลยจะกิน

(เพื่อจะได้)
Please turn on the lights so that we can see.
ช่วยเปิดไฟหน่อยเพื่อเราจะได้มองเห็น

(งั้นๆ)
That series was so-so.
ซีรีย์เรื่องนั้นงั้นๆ

(อย่างนั้น,อย่างนี้)
Is that so?
มันเป็นอย่างนั้นเหรอ

Just do it like so.
(จัส-ท ดู อิท ไล-ค โซ)
แค่ทำอย่างนี้

เป็นต้น, และอื่นๆ, ฯลฯ
I like to play team sports such as basketball, football, soccer, and so on.
ฉันชอบเล่นกีฬาที่มีทีมเช่นบาสเกตบอล อเมริกันฟุตบอล ฟุทบอล เป็นต้น

จากตัวอย่างคงจะพอเห็นภาพกันมากขึ้นนะครับ

I think so คำนี้ที่มักแปลกันผิด

 I think so. ไม่ได้แปลว่าฉันเห็นด้วยนะ
วันนี้เราจะมาดูว่า I think so ใช้ตอนไหนยังไง





มักจะใช้กันผิดกับคำว่า I think so.
I think so. ไม่ได้แปลว่า ฉันคิดอย่างนั้นเหมือนกัน หรือ ฉันก็คิดแบบนั้น

ซึ่งถ้าคุณจะบอกว่าฉันเห็นด้วยหรือแสดงความคิดเห็นอะไรที่เป็นไปใน
ความคิดเห็นเดียวกันเราจะใช้คำว่า


 I agree with you.
ไอ อะกรี วิท ยู
ฉันเห็นด้วยกับคุณหรือไม่ก็
I agree. เฉยๆก็ยังได้

แต่ถ้าเราจะใช้คำว่า I think so.
มันจะกลายเป็นการเห็นด้วยแบบไม่แน่ใจ

เช่นในกรณีตัวอย่างนี้นี้
คน A: Is the drawing room this way?
ห้องรับแขกอยู่ทางนี้หรือเปล่า

ทีนี้ B ไม่แน่ใจแต่คิดว่าใช่เลยบอกว่า
คน B: I think so.
แปลว่า : ไม่แน่ใจ คิดว่าอยู่ทางนี้มั้ง

shark แสลง แปลว่าอะไร


shark - ฉลาม


ค่าว่า shark "ชาร์ค" แปลตรง ๆ ว่า "ฉลาม"
คำนี้เป็นแสลงในภาษาอังกฤษ น่าสนใจ หลายความหมายทีเดียวครับ

  :: ถ้าเราเอาคำว่า shark ไปเรียกใครสักคนหนึ่ง เช่นอาจเป็น นักธุรกิจ หรือนักขาย
นั้นจะหมายความว่าเขาคนนั้นเป็นนักธุรกิจแบบจัดเต็มจัดหนัก

หรืออาจหมายถึง คนที่ขายเก่งพูดจาหว่านล้อมเราได้อย่างรวดเร็ว
แต่มีความหมายที่ไปในทางลบมากกว่า อาจจะส่อแวว ไม่ซื่อเล็กน้อยถึงมาก

shark ถ้าใช้ในหน้าที่กริยา เราจะหมายถึงการ "จีบ" หรือเป็นการ "หลอกล่อ"
:: a person who is ruthless and greedy and dishonest
:: คนที่โหดเหี้ยม โลภมาก และ ไม่ซื่อสัตย์

Don’t mention it ใช้อย่างไร


เข้าเรื่องกันเลยครับกับคำว่า Don’t mention it คำๆนี้จะใช้ตอนไหนอย่างไร?
ผมคิดว่าผู่อ่านคงได้ยินจากในหนังบางจริงไหมครับ
เพราะว่าคำๆนี้เป็นคำที่มีการใช่อยู่บ่อยๆทีเดียว

สำนวน Don’t mention it นี้จะใช้ขณะที่ต้องการบอกว่า “ไม่เป็นไร”
ในตอนที่มีใครมาขอบคุณในสิ่งดี ๆ ที่คุณทำให้เขาครับ
และเพื่อบอกกลับไปว่า “ที่ได้ช่วยไปนะ ไม่ลำบากหรอก” 


A) Thank you for taking care of me throughout the whole time I was here. I understand it wasn’t an easy job for you.
ขอบคุณที่ได้ดูแลฉันตลอดช่วงเวลาที่ฉันอยู่ที่นี่ ฉันเข้าใจว่ามันไม่ใช่งานง่ายสำหรับคุณ (ที่ต้องทำให้ฉัน)

B) Don’t mention it. It was actually a pleasure to have known you.
ไม่ต้องพูดหรอก (ไม่เป็นไรหรอก ไม่ลำบากอะไรขนาดนั้น) จริง ๆ แล้ว มันเป็นความสุขความพอใจที่ได้รู้จักคุณนะ


เล่น facebook แล้วเก่งอังกฤษไปด้วย

คงมีหลายๆคนติด facebook ใช่ไหมครับ เล่นไปเล่นมาไหงเวลามัน
ผ่านไปเร็วจัง วันนี้ผมเลยคิดว่าเราน่าจะหาวิธีเรียนภาษาอังกฤษไปด้วย
ขณะที่เล่นเฟสบุ๊คอยู่


อันที่จริงมีหลายๆคนทำหน้า Fanpage ที่น่าสนใจเกี่ยวกับภาษาอังกฤษออกมา
แต่ว่ามันอยู่ไหนหละ วันนี้ผมจะมาบอกวิธีค้นหาที่เรียบง่ายแต่ได้เจอครับ

วิธีค้นหาครับ
ขั้นแรกให้เข้าไปที่ google.com ครับ
จากนั้นพิพม์คำที่เกี่ยวข้องกับภาษาอังกฤษที่เราต้องการค้นหา
ตามด้วยคำว่า site:facebook.com

 
ทดลองคลิ๊กดูได้ครับ
 
ส่วนด้านใต้นี้เป็นตัวอย่างครับลองคลิ๊กไปดูกัน หวังว่าจะเป็นประโยชน์ครับ
 

เจออันไหนสนใจก็อย่าลืม bookmark เอาไว้นะครับ
engbutton.blogspot.com ขอเป็นอีกกำลังใจให้ทุกท่านที่อยากเก่งอังกฤษครับ